Page 424 - NEIC_FINAL REPORT
P. 424
2-250
2.2.2.1.3 น้ามันดิบและคอนเดนเสท (Oil)
“น้ํามันดิบ (Crude oil)” ตํามพระรําชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 หมํายถึง น้ํามันแร่ดิบ แอสฟัลท์ โอโซเคอไรท์ ไฮโดรคําร์บอนและบิทูเมน ทุกชนิดที่เกิดขึ้นโดยธรรมชําติ ไม่ว่ําในสภําพของแข็ง ของหนืด หรือของเหลว และให้หมํายควําม รวมถึงก๊ําซธรรมชําติเหลวด้วย แต่ในคู่มือฉบับนี้คําว่ํา “น้ํามันดิบ” จะแสดงข้อมูลที่ไม่ครอบคลุมคอนเดนเสท ก๊ําซธรรมชําติ และไฮโดรคํารบ์ อนอนื่ ๆ เพอื่ ใหก้ ํารรํายงํานขอ้ มลู สํามํารถแยกองคป์ ระกอบของคอนเดนเสทและไฮโดรคํารบ์ อนไดอ้ ยํา่ งชดั เจน
น้ํามันดิบประกอบด้วยสํารไฮโดรคําร์บอนชนิดระเหยง่ํายเป็นส่วนใหญ่ แบ่งออกได้เป็น 3 ชนิด ตํามคุณสมบัติ และชนิดของ ไฮโดรคําร์บอนที่ประกอบอยู่ คือ
1) น้ํามันดิบชนิดที่ไม่มีไขมําก (paraffin base)
2) น้ํามันดิบชนิดที่มียํางมะตอยมําก (asphalt/naphthenic base)
3) น้ํามันดิบชนิดผสม (mixed base) เป็นน้ํามันดิบพ้ืนฐํานชนิดผสมกันระหว่ํางชนิดมีไขมํากและชนิดที่มียํางมะตอยมําก น้ํามันดิบโดยท่ัวไปจะมีสีดําหรือสีน้ําตําล มีกล่ินคล้ํายน้ํามันเชื้อเพลิงสําเร็จรูป เม่ือน้ํามันดิบรวมอยู่กับน้ํา น้ํามันดิบจะลอย
อยเู่ หนอื นํา้ ภํายหลงั จํากผํา่ นกระบวนกํารกลนั่ นํา้ มนั แลว้ จะไดผ้ ลติ ภณั ฑน์ ํา้ มนั ตํา่ งๆ ซง่ึ สํามํารถนํา ไปใชป้ ระโยชน์ เปน็ เชอ้ื เพลงิ สําหรับเครื่องยนต์ รถยนต์ รวมทั้งเตําเผํา และเตําอบต่ํางๆ นอกจํากน้ียังสํามํารถใช้ประโยชน์เป็นเชื้อเพลิงเครื่องบินใบพัดและ น้ํามันเช้ือเพลิงเครื่องบินไอพ่น เป็นน้ํามันก๊ําด เป็นส่วนผสมของ ยําฆ่ําแมลง สีทําบ้ําน น้ํามันชักเงํา น้ํายําทําควํามสะอําด เป็น เช้ือเพลิงบ่มยําสูบ อบพืชผลและใช้ในอุตสําหกรรมเซรํามิก
“คอนเดนเสท (Condensate)” ตํามพระรําชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ใช้คําว่ํา “ก๊ําซธรรมชําติเหลว” หมํายควํามว่ํา ไฮโดรคํารบ์ อนทม่ี สี ภําพเปน็ ของเหลวหรอื ทมี่ คี วํามดนั ไอสงู ซงึ่ ผลติ ขน้ึ มําไดพ้ รอ้ มกบั กํา๊ ซธรรมชําติ หรอื ไดม้ ําจํากกํารแยกออก จํากก๊ําซธรรมชําติ
คอนเดนเสท หรือ ก๊ําซธรรมชําติเหลว จะถูกแยกออกจํากทํางด้ํานหลังของเครื่องแยกสถํานะ ส่งเข้ําไปในระบบทําให้เสถียร (Stabilization) เพื่อรักษําค่ําควํามดันไอให้มีสถํานะของเหลวที่คงตัว เพื่อให้เกิดควํามปลอดภัยในกํารส่งไปเก็บรักษํายังเรือ กักเก็บเพื่อรอกํารจําหน่ําย (Floating Storage Offloading, FSO) ส่วนก๊ําซที่หลุดออกจํากระบบทําให้เสถียรน้ี บํางส่วนจะถูก สง่ เขํา้ ระบบอดั ควํามดนั เพอื่ สง่ ตอ่ ไปยงั กระบวนกํารผลติ กํา๊ ซธรรมชําติ และบํางสว่ นทคี่ วํามดนั ตํา่ จนเกนิ ไปจะถกู สง่ ไปยงั ปลอ่ ง เผําก๊ําซ (Flare)
2.2.2.1.4 ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas)
ก๊ําซธรรมชําติ คือ ปิโตรเลียมชนิดหน่ึง เกิดจํากซํากพืชซํากสัตว์ที่ทับถมกันภํายใต้ควํามร้อนหลํายร้อยล้ํานปี และแรงกดดัน มหําศําลจนแปรสภําพเป็นปิโตรเลียม ทั้งที่อยู่ในสถํานะของแข็ง คือ ถ่ํานหิน ของเหลว คือ น้ํามันดิบ และก๊ําซ ซ่ึงก็คือก๊ําซ ธรรมชําติ
องค์ประกอบของก๊าซธรรมชาติ
กํา๊ ซธรรมชําตมิ กี ํา๊ ซหลํายอยํา่ งประกอบเขํา้ ดว้ ยกนั มชี อื่ ทํางวทิ ยําศําสตรว์ ํา่ มเี ทน อเี ทน โพรเพน บวิ เทน ฯลฯ แตโ่ ดยทวั่ ไป จะประกอบด้วยก๊ําซมีเทนเป็นส่วนใหญ่ คือ ร้อยละ 70 ข้ึนไป ก๊ําซพวกนี้เป็นสํารไฮโดรคําร์บอนทั้งส้ิน เม่ือจะนํามําใช้ต้องแยก กํา๊ ซออกจํากกนั เสยี กอ่ น จงึ จะใชป้ ระโยชนไ์ ดเ้ ตม็ ที่ นอกจํากสํารไฮโดรคํารบ์ อนแลว้ กํา๊ ซธรรมชําตยิ งั อําจประกอบดว้ ยกํา๊ ซอนื่ ๆ ที่ไม่ใช้ไฮโดรคําร์บอน อําทิ ก๊ําซคําร์บอนไดออกไซด์ ก๊ําซไฮโดรเจนซัลไฟด์ ก๊ําซไนโตรเจน และน้ํา เป็นต้น
สํารประกอบเหลํา่ นสี้ ํามํารถแยกออกจํากกนั ได้ โดยนํา มําผํา่ นกระบวนกํารแยกทโี่ รงแยกกํา๊ ซธรรมชําติ กํา๊ ซทไ่ี ดแ้ ตล่ ะตวั นํา ไปใช้ประโยชน์ต่อเนื่องได้อีกมํากมําย Methane (CH4), Ethane (C2H6), Propane (C3H8), Butane (C4H10), Pentane (C5H12), Hexane (C6H14) และ Non-Hydrocarbon อื่น เช่น CO2, N2, H2O, H2S เป็นต้น
จําแนกตํามคุณสมบัติของชนิดก๊ําซและกํารใช้ประโยชน์ได้เป็น 4 ประเภท คือ
- ก๊าซหวาน (Sweet Gas) หมํายถึง ก๊ําซธรรมชําติที่มีส่วนประกอบของก๊ําซไฮโดรเจนซัลไฟด์ อยู่น้อยมํากหรือไม่มีเลย
- กา๊ ซเปรยี้ ว (Sour Gas) หมํายถงึ กํา๊ ซธรรมชําตทิ มี่ สี ว่ นประกอบของกํา๊ ซไฮโดรเจนซลั ไฟดอ์ ยมู่ ําก โดยทวั่ ไปกํา๊ ซธรรมชําติ
Strategic Design and Development Study of the National Energy Information Center to Support National Energy Plan โครงการศึกษาการจัดทําาแผนยุทธศาสตร์และออกแบบการพัฒนาศูนย์สารสนเทศพลังงานแห่งชาติ เพื่อรองรับการใช้ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ในการขับเคล่ือนแผนพลังงานของประเทศไทย